เว็บสล็อตตรง สล็อต888วอลเล็ต ที่ดีที่สุด ปลอดภัยและมั่นใจ
LOGO

เปิด 4 หุ้นเด่น รับประโยชน์ ค่าเงินอ่อน ทะลุ 37 บาท

เปิด 4 หุ้นเด่นรับประโยชน์ค่าเงินอ่อน ทะลุ 37 บาท จากสามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินตราต่างประเทศ กลับมาเป็นเงินบาทได้มากขึ้น

ภาวะค่าเงินบาท ยังถือว่าอยู่ในระดับอ่อนค่าต่อเนื่อง จนล่าสุดทะลุ 37 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ อ่อนค่าสุดในรอบ 6 เดือน โดยทิศทางค่าเงินบาทอ่อนค่าลง จะมีผลดีต่อผู้ส่งออกในเชิงรายได้ จากสามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินตราต่างประเทศกลับมาเป็นเงินบาทได้มากขึ้น แต่มีผลเสียต่อผู้นำเข้า เนื่องจากอาจกระทบต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

ในทางกลับกัน หากเงินบาทแข็งค่าขึ้น จะส่งผลดีต่อผู้นำเข้า จากต้นทุนในสกุลเงินบาทลดลง แต่ผู้ส่งออกจะถูกกระทบจากรายได้ที่ลดลง เมื่อแลกเปลี่ยนสกุลเงินตราต่างประเทศกลับมาเป็นเงินบาท

ฝ่ายวิจัยฯ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าจากหลายปัจจัยที่เข้ามากดดันในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นความตึงเครียดตะวันออกกลาง ที่ผลักให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น จนอาจกดดันให้เงินเฟ้อควบคุมได้ยาก และมีโอกาสหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยืดระยะเวลาการปรับลดดอกเบี้ยออกไปในปีนี้

อย่างไรก็ตาม ประเมินบริเวณเกิน 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เงินบาทจะชะลอการอ่อนค่าลง และคาดว่าจะแข็งค่าขึ้นในระยะถัดไป

ในครั้งนี้ “Thairath Money” ได้รวบรวมข้อมูลหุ้นที่น่าสนใจ จากการได้รับประโยชน์หลังเงินบาททรงตัวอ่อนค่าต่อเนื่อง ดังนี้

ส่อง 4 หุ้นรับประโยชน์เงินบาทอ่อน

1. DELTA

บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น DELTA ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านการจัดการระบบกำลังไฟฟ้า รวมถึงชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บางประเภท มีฐานการผลิตอยู่ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ได้แก่ เอเชีย ยุโรป และอเมริกาใต้

สำหรับผลประกอบการย้อนหลัง ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 6,699.01 ล้านบาท ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 15,344.55 ล้านบาท และปี 2566 มีกำไรสุทธิ 18,422.54 ล้านบาท

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า คาดผลประกอบการครึ่งหลังปี 2567 จะโตเด่นกว่าครึ่งปีแรก จากได้แรงหนุนของสินค้ากลุ่ม AI ที่จะเข้ามากระตุ้นยอดขาย อย่างสินค้ากลุ่ม Data Center และสินค้ากลุ่ม EV ที่มีการลดระดับสินค้าคงคลัง มีโอกาสที่จะกลับมาฟื้นตัว พร้อมปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรขั้นต้น ปี 2567-2568 ขึ้นเป็น 23.6% และ 24.2% เพื่อให้สะท้อนค่าเงินบาทดอลลาร์สหรัฐ เฉลี่ยทั้งปีใหม่ที่ 35 บาท แนะเก็งกำไรที่ราคาเป้าหมาย 67 บาทต่อหุ้น

2. SAPPE

บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น SAPPE ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม ภายใต้กว่า 20 ตราสินค้าทั้งในและต่างประเทศ

สำหรับผลประกอบการย้อนหลัง ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 410.81 ล้านบาท ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 653.15 ล้านบาท และปี 2566 มีกำไรสุทธิ 1,074.20 ล้านบาท

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า เลือกหุ้น SAPPE เข้ามาในพอร์ต จากคาดกำไรไตรมาส 1/67 ที่ขยายตัวถึง 22% และน่าจะได้ผลบวกจากเงินบาทอ่อนค่า โดยแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 106 บาท

3. THCOM

บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น THCOM ผู้ประกอบธุรกิจใน 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจดาวเทียมและบริการที่เกี่ยวเนื่อง 2. ธุรกิจอินเทอร์เน็ตและสื่อ 3. ธุรกิจโทรศัพท์ในต่างประเทศ 4. ธุรกิจร่วมทุนอื่น

สำหรับผลประกอบการย้อนหลัง ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 143.64 ล้านบาท ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 42.21 ล้านบาท และปี 2566 มีกำไรสุทธิ 353.65 ล้านบาท

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า คาดงบไตรมาส 1/67 ฟื้นตัวได้จากไตรมาสก่อน คาดกําไรสุทธิ 253 ล้านบาท แต่หากตัดกําไรอัตราแลกเปลี่ยน 230 ล้านบาท ผลประกอบการปกติคาดมีกําไร 23 ล้านบาท ดีขึ้นเทียบกับกําไรปกติ 5 ล้านบาทในไตรมาสก่อน แต่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 104 ล้านบาท พร้อมรอลุ้นความคืบหน้าการปิดธุรกิจในตลาดอินเดีย คาดเกิดขึ้นในไตรมาส 2/67 ส่วนการเปิดประมูลวงโคจรดาวเทียมรอบใหม่ คาดเกิดขึ้นในไตรมาส 3/67 หนุนผลประกอบการในอนาคต คงประมาณการปี 2567 ที่ 413 ล้านบาท ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคา 18.90 บาทต่อหุ้น

4. HANA

บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น HANA ผู้ให้บริการผลิตผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร (Electronic Manufacturing Service-EMS)

สำหรับผลประกอบการย้อนหลัง ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 1,545.31 ล้านบาท ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 2,102.07 ล้านบาท และปี 2566 มีกำไรสุทธิ 1,760.57 ล้านบาท

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดว่าผลประกอบการของ HANA จะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะยอดขายน่าจะเพิ่มขึ้นจากการกลับมาตุนสต๊อก (inventory restocking) และปัจจัยฤดูกาลของการออก smartphone รุ่นใหม่ รวมถึงการเพิ่มเครื่องจักรในธุรกิจ PMS ซึ่งยอดขายที่ฟื้นตัวขึ้นจะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้น ในขณะเดียวกัน เงินบาทที่อ่อนค่าลงอาจจะช่วยรองรับความเสี่ยงด้าน downside ของกำไรไปได้บ้าง โดยใช้สมมติฐานปี 2567 ที่ 33.50 บาทดอลลาร์สหรัฐ แนะนำ “ถือ” ที่ราคาเป้าหมาย 39.00 บาทต่อหุ้น

Share This Post

บทความเพิ่มเติม

5 ทางออก ผ่อนคอนโดฯ ไม่ไหว!  มีทางแก้อย่างไร?
บทความ

5 ทางออก ผ่อนคอนโดฯ ไม่ไหว!  มีทางแก้อย่างไร?

5 ทางออก ค่าครองชีพสูง-ดอกเบี้ยแพง-รายได้ลด กำลังจะผ่อนคอนโดฯ ต่อไม่ไหว มีทางแก้อย่างไร? ขยายเวลาชำระหนี้, ขอจ่ายแค่ดอกเบี้ย, ปรับค่างวดให้ต่ำลง และขอรีไฟแนนซ์

เปิด 4 หุ้นเด่น รับประโยชน์ ค่าเงินอ่อน ทะลุ 37 บาท
บทความ

เปิด 4 หุ้นเด่น รับประโยชน์ ค่าเงินอ่อน ทะลุ 37 บาท

เปิด 4 หุ้นเด่นรับประโยชน์ค่าเงินอ่อน ทะลุ 37 บาท จากสามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินตราต่างประเทศ กลับมาเป็นเงินบาทได้มากขึ้น